ชวนคุยก่อนเกม: ‘เอฟเอคัพ’ แทรกกลางก่อนบอลลีก
สัปดาห์นี้จะเป็นสัปดาห์ของการแข่งขัน เอฟเอคัพ รอบที่ 4 ซึ่งทีมระดับบิ๊กเนมจาก พรีเมียร์ลีก ก็ยังอยู่กันเกือบจะพร้อมหน้าพร้อมตา มาดูกันดีกว่าครับว่ามีคู่ไหนที่ควรค่าแก่การรับชมบ้าง
หลังจากที่ทีมจากลีกสูงสุดได้ตบเท้าเข้ามาเริ่มเล่นในรอบ 3 เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา รอบที่ 4 หรือรอบ 32 ทีมสุดท้ายก็ตามมากันอย่างติด ๆ ในช่วงสิ้นเดือนกันเลย และก็มีเกมที่เป็นระดับ ‘บิ๊กแมตช์’ ซะด้วยในรอบนี้
เริ่มต้นกันด้วย 4 คู่ในคืนวันศุกร์ที่มีถึง 2 คู่ที่เป็นทีมระดับ พรีเมียร์ลีก ต้องมาชนกันเองทั้งหมด โดยที่จะขอพูดถึง เชลซี ที่จะเปิดรังต้อนรับการมาเยือนของ แอสตัน วิลล่า และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ต้อนรับการมาเยือนของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
‘สิงห์บลูส์’ เพิ่งลงเล่นเกม คาราบาวคัพ รอบรองชนะเลิศมาเมื่อคืนวันอังคาร ซึ่งต่างจากทาง ‘สิงห์ผงาด’ ที่ได้พักมาอย่างเต็มเหนี่ยว 2 สัปดาห์ แน่นอนว่าทำให้ลูกทีมของ อูไน เอเมรี่ ได้เปรียบเรื่องของสภาพความฟิต แต่การร้างสนามไปนานก็อาจจะทำให้พวกเขาต้องเรียกจังหวะกลับมาให้ได้ก่อน
ลูกทีมของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ แม้ว่าจะอ่อนล้ามาบ้าง แต่สภาพจิตใจน่าจะกำลังพุ่งถึงขีดสุด หลังจากที่ถล่ม มิดเดิลสโบรห์ มาได้ด้วยสกอร์ 6-1 ก็น่าจะทำให้พวกเขาลงเล่นด้วยความมั่นใจที่เต็มเปี่ยม
ถัดมายังคู่ไฮไลท์ประจำสัปดาห์ที่ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สเตเดี้ยม โดยทั้ง 2 ทีมต่างก็ได้พักมาอย่างเต็มที่ในช่วงเบรกหลังจากลงเตะนัดสุดท้ายไปเมื่อวันที่ 14 มกราคม
ลูกทีมของ อังเก้ ปอสเตโคกลู เคยบุกไปยันเสมอ ‘เรือใบสีฟ้า’ มาได้ในเกมลีกเมื่อเดือนที่แล้วด้วยสกอร์ 3-3 และอาจจะสร้างเซอร์ไพรส์ในเกมนี้ได้อีกครั้ง หลังจากที่นักเตะตัวหลักของพวกเขาเริ่มทยอยกันกลับมาแล้ว โดยเฉพาะ เจมส์ แมดดิสัน ที่มีข่าวว่าจะคัมแบ็กได้ในเกมนี้
ทางฟากของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็จะยังคงไม่มีกองหน้าตัวเก่งอย่าง เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ แต่ขุมกำลังของพวกเขาก็ไม่ได้น่ากลัวน้อยลงไปเลย และคาดว่าน่าจะเป็นเกมระดับ 5 ดาวของรอบนี้ได้อย่างแน่นอน
โยกมายังค่ำคืนวันเสาร์ที่มีเตะกันถึง 6 คู่ แต่ที่น่าสนใจที่สุดก็จะเป็นคู่ดึกสุดในเวลาตีสอง โดยเป็นเกมที่ ฟูแล่ม พบกับ นิวคาสเซิล
คู่นี้เองก็มีเรื่องความได้เปรียบเสียเปรียบในเรื่องของความฟิตเช่นเดียวกัน ซึ่ง ‘เจ้าสัวน้อย’ เพิ่งลงเล่นเกม ลีกคัพ มาเมื่อวันพุธ ต่างจากทาง ‘สาลิกาดง’ ที่ได้พักมาตั้งแต่เมื่อช่วงกลางเดือน
ทั้ง 2 ทีมเคยเจอกันมาก่อนแล้วในเกมลีกและก็เป็นทีมของ เอ็ดดี้ ฮาว ที่เปิดบ้านคว้าชัยชนะไปได้ด้วยสกอร์ 3-0 นอกจากนี้ก็ยังมีสถิติที่ยอดเยี่ยมในการเจอทีมจากลอนดอนทีมนี้ในรายการ เอฟเอคัพ โดยที่เคยเจอกันมา 4 ครั้งและเป็น ‘เดอะ แม็กพายส์’ ที่เก็บชัยชนะมาได้ทั้ง 4 ครั้งที่เจอกัน
มาถึงในคืนวันอาทิตย์ที่มีทีมระดับบิ๊กเนมลงเตะถึง 2 ทีม และคู่แรกคือ ลิเวอร์พูล จะพบกับทีมจาก แชมเปี้ยนชิพ อย่าง นอริช ซิตี้
‘หงส์แดง’ ไม่แพ้ ‘นกขมิ้น’ มาแล้วรวมทั้งสิ้น 18 เกมติดต่อกันในทุกรายการ และเก็บชัยชนะได้ถึง 16 เกม รวมถึงพวกเขาเก็บชัยชนะมาได้ถึง 11 จาก 12 ครั้งในเจอกับทีมที่มาจากดิวิชั่นที่ต่ำกว่าในรายการนี้
ใครอยากจะเห็นเกมรุกมันส์ ๆ จาก ‘เร้ด แมชชีน’ ก็รอติดตามเกมนี้ได้เลยครับ แม้ว่าจะเป็นทีมที่ชื่อชั้นเป็นรอง แต่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ไม่มีอ่อนข้อให้อย่างแน่นอน
มาถึงคู่สุดท้ายของเราครับ จะเป็นเกมที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะต้องไปเยือนทีมจาก ลีกทู อย่าง นิวพอร์ท เคาน์ตี้ ซึ่งก็คาดว่าน่าจะได้เห็นดาวรุ่งมากหน้าหลายตาและบรรดาตัวที่เพิ่งหายเจ็บ ได้กลับมาโลดแล่นในเกมนี้
นี่ยังเป็นเกมแรกที่ทั้งคู่ได้เจอกันอีกด้วย ซึ่ง นิวพอร์ท เคยเจอกับทีมจากลีกสูงสุดมาแล้ว 23 ครั้งในทุกรายการและเก็บชัยชนะมาได้เพียงแค่ครั้งเดียว โดยเป็นการเอาชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ ใน เอฟเอคัพ ฤดูกาล 2018-19
ส่วนทาง ‘ปีศาจแดง’ ก็ไม่เคยแพ้ในการมาเยือนทีมจากลีกรองในรายการนี้มาแล้วถึง 40 ปีด้วยกัน โดยการออกมาเยือนของพวกเขา 28 นัดนั้นสามารถคว้าชัยชนะไปได้ถึง 24 นัดด้วยกัน ก็ไม่น่าจะเป็นเกมที่ยากของ เอริก เทน ฮาก ที่จะพาลูกทีมทะลุเข้าไปสู่รอบต่อไปได้
หลังจากจบรอบ 4 ไปแล้ว ก็เหลืออีกเพียงแค่ 4 รอบก็จะรู้ผลว่าในท้ายที่สุดใครจะเป็นแชมป์ในรายการนี้ ไม่ว่าจะเป็น แมนฯ ซิตี้ ที่ยังคงมีลุ้นรักษาแชมป์เอาไว้ หรือ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ต้องการแก้มือจากรอบชิงในปีก่อน หรืออาจจะเป็นทีมจากลีกล่างที่โผล่มาเซอร์ไพรส์ อะไรก็เกิดขึ้นได้ในบอลถ้วยครับ
เขียนโดย Uncle Bear
The Lite Team.